เรายังสามารถให้โปรแกรม Revit ช่วยตรวจสอบความถูกต้องของขนาดท่อที่ได้ทำการ Model ได้ง่ายๆ โดยใช้ คำสั่งในส่วน Analyze > Color Fill > Pipe Legend และเราสามารถกำหนด Diameter เพื่อตรวจสอบขนาดท่อ
วันอังคารที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2563
วันจันทร์ที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2563
Navisworks การตั้งค่า Viewpoints จำค่าการ Hide วัตถุ
ปัญหาอย่างนึงที่หลายคนพบคือเมื่อกำหนด Hide วัตถุที่ View แล้ว แต่เมื่อไปเปิด View อื่นแล้วทำการ Unhide จะทำให้ View ที่เราได้ทำการตั้งค่า Hide ไว้กลับแสดงขึ้นมา ซึ่งในกรณีนี้เราต้องตั้งค่าให้ View ของเราจดจำค่าการ Hide ซึ่งสามารถทำได้โดย
1. คลิกขวาที่ View ที่ต้องการตั้งค่า
2. กด Edit
3. คลิกเลือก Hide/Required ทำงาน
4. กด OK
หลังจากตั้งค่าแล้ว Viewpoint ที่ได้ทำการตั้งค่าจะจดจำค่าการ Hide วัตถุตลอดเวลา
Revit สร้างตารางเพื่อใส่ข้อมูล
การสร้างตารางเพื่อใส่ข้อมูลเองใน Revit นั้นสามารถทำได้โดยใช้ schedule มีวิธีดังนี้
1. เลือกคำสั่ง View > Create > Schedules > Schedule/Quantities
2. ที่หน้า New Schedule เลือก Category : Detail Items และเลือก Schedule keys แล้วกด OK
3. ที่หน้า Schedule Properties กดปุ่ม New Parameter
4. ตั้งค่าในช่อง Parameter Data ตามด้านล่าง เมื่อเสร็จแล้วกด OK
ใส่ชื่อหัวข้อ Name : TYPE OF PIPE
Type of Parameter : Text
Group parameter under : Text
5.ทำตามข้อ 3 และ 4 เพื่อเพิ่มหัวข้ออื่นให้ครบ แล้วกด OK
6.ที่ตาราง Detail Item ที่สร้างมา เราสามารถเพิ่มบรรทัดของตารางได้โดย กดที่ Insert Data Row
7.พิมพ์ข้อมูลให้ครบ แล้วดึงเข้า Sheet ได้เลย
วันอังคารที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2563
Revit Add in - Rush Forth สุดยอด Add in
Rush Forth เป็น Add in ซึ่งถือได้ว่าคุ้มค่าในการลงทุนสุดๆ โดยตัวมันเองสามารถช่วยลดเวลาในการทำงานได้แยะมากๆ โดยมีคนที่เคยได้ใช้แล้ว บอกว่าไม่สามารถทำ Revit ได้เลยถ้าไม่มี Add in ตัวนี้ (โดยจากประสปการณ์ของผม ก็จริงดังที่มีคนกล่าวไว้) ซึ่งถ้าใครสนใจสามารถไปดาว์นโหลดมาทดลองใช้ได้ 30 วัน จาก apps.autodesk.com และถ้าลองแล้วสนใจซื้อก็ราคา USD 99.99 ประมาณ 3000 บาท ต่อหนึ่งเวอร์ชั่น คือมันสามารถใช้ได้กับเฉพาะเวอร์ชั่นที่ตรงกับ Revit ที่เราใช้งาน ถ้าต้องใช้กับ Revit มากกว่าหนึ่งเวอร์ชั่นก็ต้องซื้อเพิ่ม
ผมได้ทำ VDO Clip เพื่อแสดงวิธีการใช้งานเบื่องต้นสำหรับผู้สนใจในบางหัวข้อไว้แล้วลองดูที่ ลิงค์ด้านล่างได้เลยครับ
มาพูดถึงประโยชน์ของ Rush Forth
1. Project Setup
- สร้าง View และ Sheets โดยสร้างจาก Excel ไฟล์แล้วดึงเข้ามาได้ (ประหยัดเวลามากประหยัดเวลาสุดๆ)
- การนำ View เข้า Sheet โดยอัตโนมัติ โดยสามารถตั่งค่าตำแหน่งการวางให้ตรงกันทุกแผ่นได้
- Copy วัตถุและค่าต่างๆ จาก Link model ได้ เช่น Scope Boxes, Match lines, True north, Title Blocks
- การสร้าง Dependent Views ได้ และสามารถกำหนด Scope boxes ให้กับ View นั้นๆ ได้เลย
- สร้าง Space และ Room จากไฟล์ลิงค์
2. Model Manager/Parameter Transformer
- การใช้ Filter แบบระเอียด ซึ่งจะดีกว่า Filter ของ Revit มาก
- การนำข้อมูลเข้า-ออกเป็น Excel
- การทำการ Clash Detection โดยไม่ต้องใช้ Navisworks (จากที่ทดลองมีปัญหาในการใช้งานบ้างนิดหน่อย)
- การสร้างวัตถุจากเส้น 2D เช่น การวางตำแหน่งอุปกรณ์ การเขียนท่อ โดยนำเส้นมาก CAD ไฟล์ (อันนี้สุดยอดจริงๆ)
3. Parameter Scheduler
- การทำงานเกี่ยวกับ Share Parameter โดยถ้าโครงการมีหลายๆ Model และต้องการใช้ Share Parameter เดียวกันสามารถส่งข้อมูลให้กันได้โดย Save เป็น Template ไว้ได้เลย
- การเปลี่ยนจาก Parameter ให้เป็น Share Parameter
4. Parameter Linker
- การตั้ง่า Parameter ให้มีค่าตรงกันจาก Model ที่ลิงค์เข้ามา เช่น การทำให้ท่อตำแหน่งในไฟล์ตรงกันกับตำแหน่งในลิงค์ไฟล์ (แนวท่อเมน)
- การแสดงตำแหน่ง Coordinate
บน Tag
โดยการอ้างอิงตำแหน่งของวัตถุแล้วไปกำหนด
Parameter ใน Tag
5. DraftXL
- นำเข้าตาราง Excel มาแสดงเป็นตารางใน Revit
6. 3D Sections
- สร้าง 3D View ในแต่ละชั้นได้อย่างรวดเร็ว โดยแบ่งจากเส้น level หรือ สร้าง View จาก Ceiling Space
7. Element Tagger
- ใส่ Tag ให้วัตถุโดยสามารถกำหนดระยะห่างของตัว
Tag กับวัตถุได้
ลิงค์สำหรับเข้าไปดูข้อมูลเพิ่มเติม
https://apps.autodesk.com/RVT/en/Detail/Index?id=4708611949947567938&appLang=en&os=Win64
หรือถ้าใครสนใจอยากทราบรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถ ติดต่อมาได้ครับ รับรองใช้เป็นแล้วจะประหยัดเวลาเป็น 1000 ชั่วโมง
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)